มนุษย์ก้ำกึ่ง Ambivert คนครึ่งๆกลางๆ ระหว่าง Extrovert กับ Introvert


ช่วงนี้ ได้ยินคนพูดถึงว่า คุณเป็นคนแบบไหน กันค่อนข้างเยอะมาก
คำว่า Extrovert และ Introvert
จึงถูกแพร่สะพัด และ แชร์กระจัดการจาย ไปทั่วทุกหัวระแหง
เพื่อให้คนที่เพิ่งได้ยินเป็นครั้งแรก ไม่สับสน ไม่งงงวย กับศัพท์ยากๆที่กล่าวไว้ข้างต้น
เลยขอเกริ่นให้ฟังดังนี้
Extrovert หมายถึง บุคคลที่ชื่นชอบในการเข้าสังคม
ช่างพูดช่างคุย เข้ากับคนง่าย เปิดเผย กล้าแสดงออก
ชอบทำอะไรเป็นกลุ่ม บุคคลเหล่านี้
จะได้รับพลังชีวิตจากสิ่งแวดล้อมและคนรอบข้าง
หรือเรียกว่าคนเปิดเผย
Introvert ตรงข้ามกับ Extrovert โดยสิ้นเชิง เพราะพวกเขารักในการอยู่คนเดียว
ทำอะไรคนเดียว ไม่กล้าที่จะพบปะผู้คนหมู่มาก จริงจัง มีโลกส่วนตัวสูง
พลังชีวิตของพวกเขาจะได้จากการได้อยู่เงียบๆคนเดียว
หรือเรียกว่า คนเก็บตัว
ทุกคนอาจจะมีโอกาสได้พบเจอคนบางคน ที่เป็น Extrovert แบบสุดขั้ว
หรือ คนบางคนที่เป็น Introvert แบบสุดโต่ง
นั่นก็คงจะพอทำให้เราเห็นลักษณะของคนเหล่านั้นได้ชัดเจนง่ายขึ้น
แต่อย่างไรก็ตาม ลักษณะของ Introvert และ Extrovert นั้น ไม่สามารถจะแยกกันได้อย่างเด็ดขาด
ซึ่งแท้จริงแล้ว บุคลิกทั้ง 2 ด้านนี้ล้วนอยู่บนสเปกตรัมเดียวกัน แม้จะอยู่กันคนละขั้วก็ตาม
และในระหว่างขั้วสุดต่างทั้ง 2 ก็จะมีสิ่งที่อยู่ตรงกลาง
Ambivert อาจเป็นกลุมคนที่เป็นส่วนผสมความสมดุลระหว่างทั้ง 2 ขั้วที่ต่างกันมากๆ
โดยมีลักษณะก้ำกึ่งระหว่าง Introvert และ Extrovert
เป็น บุคคลที่พูดพอควร เดินสายกลาง มีชิวิตที่เรียบง่าย อยู่คนเดียวก็มีความสุข คบหากับคนทั่วไปได้ดี
หรือเรียกได้ว่าเป็นมนุษย์ 2 บุคลิก
ที่มักจะมีทักษะหลากหลายด้าน และสามารถเข้ากันได้ดีกับคนหลากหลายประเภท
ในบางครั้งเขาอาจจะมีลักษณะที่โน้มเอียงไปในทาง Introvert
บางครั้งมีแนวโน้มเอียงไปในทาง Extrovert ได้
หากแต่ดีกรีของความเป็น Introvert และ Extrovert ก็จะมากน้อยต่างกันไป
ซึ่งจะสามารถแปรเปลี่ยนความเปิดเผยไปได้ในแต่ละสถานการณ์
ตามทฤษฎีบุคลิกภาพของคาร์ล จุง
คาร์ลจุง (Carl Jung) นักจิตวิทยาชาวสวิสได้ศึกษาและพัฒนาทฤษฎีจิตวิทยาแบบวิเคราะห์
เชื่อว่า จิตใต้สำนึกจะทำหน้าที่บันทึกความทรงจำ
แรงกระตุ้นทั้งหลายเอาไว้และทำหน้าที่ถ่ายทอดสิ่งที่จิตใต้สำนึกเก็บสะสมไว้
เช่น เรื่องราวในอดีตที่น่าตื่นเต้นของมนุษย์
แบ่งบุคลิกภาพของมนุษย์ เป็น 3 ประเภท (Introvert, Extrovert, Ambivert)
ถ้าใครสักคน มักจะชอบมีเวลาส่วนตัว
และเขาก็มักจะใช้เวลานั้นสำหรับการฝึกสมาธิ ออกกำลังกาย หรือทำงาน
ในบางโอกาส เมื่อเขาได้ออกไปพบปะเพื่อนฝูง
เขาก็อาจจะนั่งเงียบๆ เพื่อคอยสังเกตลักษณะท่าทางต่างๆของผู้คนโดยรอบ
และในบางครั้งเมื่อเขาออกไปทำธุระข้างนอก
เขาก็มักจะหลีกเลี่ยงผู้คนที่เขารู้จัก
เพราะขี้เกียจที่จะต้องเข้าไปทักทายพูดคุยในเรื่องสัพเพเหระต่างๆเพราะมันเสียเวลา
แต่ก็ใช่ว่าเขาจะเป็นคนที่ไม่มีสังคมหรือเพื่อนฝูง
เพราะเขามักจะแสดงท่าทีเป็นมิตรต่อผู้คนที่เขาพบเจออยู่เสมอ
มักจะชวนผู้คนต่างๆพูดคุย และสร้างเพื่อนใหม่ในทุกๆที่ที่เขาไป
ไม่ว่าจะเป็นที่ร้านกาแฟ ยิม หรือระหว่างรอขึ้นเครื่องในสนามบิน
และตามงานเลี้ยงสังสรรค์ต่างๆ ก็มักจะเป็นเขานี่แหละ ที่เป็นคนที่ร่วมกิจกรรมและอาสาเป็นผู้นำในเกมต่างๆ
รู้อย่างนี้แล้ว
คุณจะเรียกว่าเขาเหล่านั้น เป็นคนแบบไหนกัน?
คนเก็บตัว (Introvert) ?
หรือคนเปิดเผย (Extrovert) ?
หรือ เป็นลูกผสมของทั้งสองอย่าง (Ambivert)
นักวิจัยทางด้านบุคลิกภาพและพฤติกรรมศาสตร์ก็เริ่มหันมาให้ความสนใจคนกลุ่มนี้มากขึ้น
ด้วยเชื่อว่าเพราะความสามารถในการปรับตัวไปตามการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์
อาจมีข้อได้เปรียบมากกว่าคนทั่วไปที่แสดงถึงความเป็นคนสุดโต่งด้านใดด้านหนึ่งอย่างชัดเจน
ศาสตราจารย์กรานต์จากโรงเรียนธุรกิจวอร์ตัน มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย ก็ได้ลงความเห็นว่า
คนกลุ่มนี้มีความสามารถพิเศษในด้านการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ต่างๆ
และมักจะมีทักษะเฉพาะที่จะทำให้พวกเขาประสบความสำเร็จในด้านการใช้ชีวิต
รวมถึงการใช้ชีวิตคู่ได้ดี
ในทางกลับกัน ศจ.กรานต์ กล่าวว่า ข้อเสียของ Ambivert อาจจะอยู่ตรงที่
บางที ด้วยความไม่แน่ใจในคนเองว่าเป็นคนที่รักสันโดษหรือรักสังคม
Ambivert อาจจะสับสนได้ว่าอะไรคือสิ่งแวดล้อมที่จะช่วยกระตุ้นให้พวกเขาทำงานได้ดี
และทางออกที่ดีที่สุดอาจเป็นการปล่อยสิ่งต่างๆไปตามสถานการณ์
แทนที่จะคิดมากจนเกินไปกับเรื่องการแสดงออกทางด้าน Introvert หรือ Extrovert
ถ้าคุณคิดว่าคุณเป็น Ambivert แล้วละก็
จงปล่อยตัวไปตามสายลม
แล้วทำในสิ่งที่คุณมีความสุขที่สุดในแต่ละสถานการณ์ และสภาพแวดล้อมที่ต่างกัน  
และ คุณก็จะเป็น Ambivert ที่สามารถเดินสายกลางได้อย่างสง่างาม มีความสุข กับทุกสถานการณ์ และ สภาพแวดล้อมรอบตัวคุณ
ขอบคุณข้อมูลดีดี ที่เป็นแรงบันดาลใจ และได้นำข้อมูลที่มีประโยชน์นั้น มานำเสนอให้ทุกคนอ่านกัน
http://petmaya.com/12-introverts-and-extroverts
by H’esdy
https://www.facebook.com/HappyEverySingleDay/
hesdyme.blogspot.com

ความคิดเห็น