คนหลุดกรอบ ตอน งาน


กรอบของสังคม 
ทำให้คนเราไม่ออกนอกลู่นอกทางในบางที 
จึงทำให้เราคำนึงถึงกาลเทศะ วางตัวได้อย่างความเหมาะสม 
แต่บางครั้ง กรอบของสังคมก็กักขังทำให้เราไม่กล้าทำอะไร ที่สามารถทำได้ 
แต่ไม่กล้าทำ เพียงเพราะมันแตกต่างจากกรอบของสังคมที่คนส่วนใหญ่ปฎิบัติตามๆกันมาอย่างเคร่งครัด

คนหลุดกรอบ
จึงเป็นอาจเป็นคนกลุ่มเล็กๆที่ถูกมองว่า อินดี้บ้าง ฮิปสเตอร์บ้าง 
เพราะมีการกระทำที่แตกต่างบนพื้นฐานความคิด ทัศนคติ มุมมอง ที่ต่างออกไป

ถ้าตอนนี้คุณมีความคิดบางอย่างที่ต่างออกไป 
แล้วความคิดนั้นมีแนวโน้มที่ดีต่อความรู้สึกของคุณ อีกทั้งไม่ได้สร้างความเดือดร้อนต่อผู้อื่น 
เพียงแต่ต่างจากแนวคิดเดิมๆ วิถีปฎิบัติแบบเดิมๆ 
คุณอาจกำลังจะกลายพันธุ์ เป็นคนหลุดกรอบนั้นๆก็ได้ 
บางทีบทความนี้อาจเป็นอะไรที่ไม่ได้ต่างไปจากบทความอื่นๆมากนัก 
แต่ถ้าอยากเห็นอะไรที่หลุดกรอบไปบ้าง 
บทความนี้อาจตอบโจทย์การอ่านของคุณจากนี้ไป 

คนหลุดกรอบ ตอน งาน

ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังอดทนอยู่ในสภาวะที่รู้สึกว่าต้องทน 
ทั้งๆที่ไม่อยากทน 
แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจจำใจทน 
ภายใต้ข้อจำกัดทางความคิดบางอย่าง 
เช่น ถ้าไม่ทนแล้วทำไง หางานใหม่จะได้ไหม ได้แล้วจะดีหรือไม่กว่าที่เป็นอยู่ 
หลายคนมักติดอยู่กับดักของความเคยชินในรูปแบบเดิม
และก็ไม่มั่นใจกับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น แล้วอะไรอะไรจะดีกว่าเดิมหรือเปล่า
พอคิดทบทวนไปมา สุดท้ายก็จบลงตรงที่ไม่ไปไหน 
ผ่านไปสักพัก ก็บ่นไปตามประสา และก็จบลงตรงที่ อยู่ที่เดิมทุกทีไป

พออายุมากขึ้น 
ความมั่นคงเป็นหนึ่งในเรื่องที่ผู้คนส่วนใหญ่มักคำนึงถึงเป็นอันดับต้นๆ
ก่อนการตัดสินใจเปลี่ยนแปลงอะไรสักอย่างในชีวิต 
และ 
งานก็เป็นหนึ่งในเรื่องใหญ่ๆชิ้นหนึ่ง 
เหมือนยิ่งแก่ขึ้น 
ยิ่งกลัวมากขึ้น 
กล้าเสี่ยงน้อยลง กังวลเรื่องต่างๆจิปาถะมากมาย 
ทั้งๆที่เมื่อผ่านประสบการณ์ชีวิตมายิ่งมาก 
น่าจะยิ่งทำให้เราประเมินสถานการณ์ได้ดีขึ้น 
เข้าใจและรอบความในการประเมินความเสี่ยงได้ง่ายขึ้น 
แต่ในความเป็นจริงนั้นไม่ใช่เลย 

โดยที่เราหารู้หรือไม่ว่า 
บางครั้งที่ที่ปลอดภัยที่สุด มีความเสี่ยงน้อยสุด 
อาจจะเป็นที่ที่อันตรายที่สุด และเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันไ้ด้ง่ายดายสุด
ความมั่นคงไม่ได้คงอยู่ตลอดไปหรอกนะ
พวกบริษัทที่มั่นคงมั่นคง ลดคน ปลดคน ก็มีให้เห็นอยู่เยอะแยะไป

การตัดสินใจเปลี่ยนงานในวัยกลางคน 
เป็นเรื่องน่าขบคิดมากไม่ใช่น้อย 
และ
ถ้าเป็นการเปลี่ยนงานทั้งๆที่ยังทำงานมาได้ไม่ถึง 3 เดือนก็ดูจะน่าหวั่นใจไม่น้อยเหมือนกัน 
และ
ถ้ายิ่งบอกว่า ลาออกมาทั้งๆที่ยังไม่มีงานใหม่รองรับ ก็ดูท่าเป็นเรื่องที่ควรจะคิดหนักมากพอสมควร 

แต่เชื่อเถอะว่า 
ตราบใดที่เราเชื่อมั่น มั่นใจ ในความสามารถ ความพยายาม ความตั้งใจจริงของเรา 
ทุกอย่างมันจะสามารถผ่านพ้นไปได้ 
เพราะ ถ้าให้เลือกว่าผ่านไปอีกปี 
แล้วต้องมาคิดวนไปมา ทำไมเราต้องทนอยู่ตรงนี้ วนลูปไปอีกทุกปี 
สู้ลองให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเสียตั้งแต่วันนี้ 
มันอาจคุ้มค่าที่จะลองออกจากกรอบเสียที จะได้รู้ว่าผลลัพธ์มันเป็นเช่นไร

จงฟังเสียงความต้องการในใจคุณให้เป็น
หรี่เสียงความน่าจะเป็นของสังคมให้น้อยลงไป
ชีวิตของคุณ คุณควรมีสิทธิเลือกใช้
ให้ชีวิตไปตามดั่งใจอย่างที่เราคิดว่ามันควรจะเป็น

ปล. สนับสนุนการเปลี่ยนงานที่ผ่านการคิด วิเคราะห์ พิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วน ก่อนการตัดสินใจเลือกเปลี่ยนแปลงทุกครั้ง

by H’esdy
https://www.facebook.com/HappyEverySingleDay/
hesdyme.blogspot.com

ความคิดเห็น