เมื่อ เรย์แบนหายไป



ในขณะกำลังจะนั่งเรือกลับจากอุทยานหมู่เกาะอ่างทอง 
แล้วก็ต้องพบว่าแว่นกันแดดเรย์แบนของฉันหายไป
ห่ะ  หายไป หายไป หาย หายไป หายไป หายไป 

นึกไปนึกมา สงสัยจะหายตอนที่เอามาห้อยคอแล้วแล้ววิ่งไปวิ่งมารึป่าว 
หรือหายตอนตกเรือ 
หรือ ตอนลงเรือคายัก 
หรือ โอ๊ย จะรู้ไหมละ 
ถ้ารู้ว่าตอนไหน ปานนั้นก็คงจะรีบหาแล้วเก็บแล้วซิ
คงไม่หายไปไม่รู้ตัวแบบนี้

พอรู้ตัวอีกทีว่า แว่นตาอันโปรดก็ได้จากฉันไปแล้ว 
ทำให้หัวใจของฉันร้อนวูบวาบ มันเต็มไปด้วยความรู้สึก เสียดาย เสียใจ สิ่งของชิ้นนี้ที่ฉันรัก
และเป็นเจ้าของมานาน

เรานั้นพบกันครั้งแรกเมื่อ 4 ปีก่อน 
เพราะความที่เธอเป็นคนที่ดูสวยหวาน แอบซ่อนเปรี้ยวเล็กน้อยด้วยสีสันพิงค์โกลด์ 
ทำให้ถูกตาต้องใจเราเป็นอย่างยิ่ง
เราจึงตัดสินใจสู่ขอเธอมาด้วยเงินจำนวนนึง 
เพื่อมาเป็นคู่ใจทางสายตาให้กับเรา
เราคบกันมาได้สักพัก จากที่เริ่มแรกเราชอบเธอ 
พอเราอยู่ด้วยกันนานขึ้น 
ความชอบก็เริ่มกลายเป็นความรัก และเราก็รักกันมากเสียด้วย

ด้วยความเป็นเจ้าของ
ทำให้ฉันคิดเสมอว่าแว่นตาอันนึงนี้น่าจะอยู่กับฉันไปตราบนานเท่านาน 
ไม่คาดคิดว่าจะต้องมีวันจากกัน

พยายามทำใจให้ไม่เสียดาย กับสิ่งที่หายไปอยู่พักใหญ่ 
เหมือนจะทำใจได้ไปพักนึง 
แต่พอได้มาเห็นรูปเก่าๆที่มีเรย์แบนอยู่บนใบหน้า ทำให้เผลออดนึกถึงมันไม่ได้สักที
และยิ่งนึกย้อนถึงความไม่ระมัดระวังของตัวเอง ความสำเพร่า ก็อดโมโหและโกรธตัวเองทุกที 
ว่าทำไมถึงได้ดูแลสิ่งของได้ไม่ดีแบบนี้ ปล่อยให้หายไปได้ไง
รวมทั้งทำไมไม่พยายามให้สุดความสามารถในการเอาแว่นกลับคืนมาให้ได้ 
คิดวนไปวนมาอีกว่า ไมไม่ทำแบบนี้ละ 
แบบนั้นล่ะ เผื่อจะได้คืนมา 
หรือถ้าทำแบบนี้นะ ก็น่าจะมีโอกาสได้คืนเหมือนกันนะ

ฉุกคิดแว๊บนึงได้ว่า 
ความคิดของคนเรามักวิ่งวนไปมาตลอดเวลา 
ไปอนาคตบ้าง ปัจจุบันบ้าง และอดีตบ้าง 
พอกลับมาอดีตเรื่องเรย์แบนหายไปทีไร 
เผลอคิดวน
และคิดมากกับอะไรที่แก้ไขไม่ได้ทุกที

บางทีคนเราก็ให้ความหวังกับอดีตที่ผ่านมาแล้วมากเกินไป 
ให้ความใส่ใจกับอะไรทีเป็นไปไม่ได้ แก้ไขเปลี่ยนแปลงไม่ได้ 
จนลืมไปว่า 
เราใช้เวลากับเรื่องเหล่านั้นไปเพื่ออะไรอีก
ในเมื่อมันไม่สามารถ เปลียนแปลงผลลัพธ์ของมันให้ต่างไปจากเดิม 

ต่อให้ปัจจุบันนี้พบวิธีใหม่ที่ดีที่สุดแค่ไหน 
ก็เปลี่ยนแปลงแก้ไขทำให้เรย์แบนอันเก่าของเรากลับมาอยู่กับเราไม่ได้ 
ดังนั้นเราจะหมดเปลืองความคิดจินตนาการของเราไปกับเรื่องเหล่านั้นไปทำไมอีกกัน 

นี่ซินะ 
คงเป็นที่มาของการปล่อยวาง 
ปล่อยความรู้สึกความเป็นเจ้าของกับสิ่งของทีไม่ได้อยู่กับเราแล้ว 
วางความรู้สึกของความเสียดายในการจากไปของสิ่งของอันเป็นที่รักนั้น 

ยิ่งปล่อยวางได้เร็วมากขึ้นเท่าไร 
เราก็จะจมกับความทุกข์ใจต่อการสูญหาย จากไป ของ สิ่งต่างๆที่เป็นของเราน้อยลงไปเท่านั้น 

อาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายๆที่จะตัดใจ 
ทำใจต่อการหายไปของ แว่นตาเรย์แบนราคาไม่น้อยอันนึง 
แต่มันก็คงไม่คุ้มสักเท่าไร 
ถ้าเราจะเอาเวลามากังวลคิดมากทุกข์ใจกับอะไรอะไรที่ไม่มีวันย้อนกลับไปแก้ไขเพื่อให้เรย์แบนทีรักของฉันกลับมาได้แล้ว
(หาวิธีหาเงินเพื่อซื้อใหม่ น่าจะดีกับตัวเองกว่าเยอะ)

แม้จะมีความเสียดาย เสียใจอยู่ลึกๆ 
แต่ 
อยากขอบคุณเรย์แบนที่หายไปในครั้งนี้ 

ที่ทำให้รู้ว่า

ไม่มีอะไรที่เป็นของเราถาวรและตลอดไป ไม่ว่าจะไปสิ่งของหรือผู้คน 


และถ้าเข้าใจและยอมรับความจริงข้อนี้ได้ 
คุณจะมีความสุขกับปัจจุบันในสิ่งของและผู้คนที่คุณมี

by H'esdy
#facebook.com/HappyEverySingleDay
#hesdyme.blogspot.com

ความคิดเห็น