23 DAYS.TAKE-OFF

 
ความเดิมตอนที่แล้ว 
ในเย็นวันเดียวกัน
และแล้ว มีนนา ก็ตัดสินใจโทรหามงกรอีกครั้ง ........

มีนนา : มันเกิดอะไรขึ้นหรอ ทำไมเธอถึงไม่อยากให้เราไปขนาดไปนั้น
มงกร : ไม่มีไร เราก็ใกล้สอบแล้ว เรียนหนักด้วย ไม่มีเวลาดูแลเธอ เด๋วเธอก็คิดมาก น้อยใจอีก
มีนนา : เราก็ไปเที่ยวเองได้นะ แค่ขอไปพักด้วยเฉยๆ ไม่ได้อะไร
มงกร : ที่นี่คนรู้จักน้องๆ ญาติๆเราเยอะ เดี๋ยวเรื่องรู้ถึงที่บ้าน ก็จะมีปัญหาอีกเหมือนที่ผ่านมาไง เลยไม่อยากให้มาไง
มีนนา : อ้าว แล้วไหน เดือนที่แล้ว บอกให้รีบมา และให้อยู่นานๆด้วย ไม่เห็นเคยพูดเรื่องที่บ้านแบบนี้เลย
มงกร : เฮ้ย อย่ามาเซ้าซี้ เร่งๆเอาคำตอบไรจากเราได้ป่ะ ไว้กลับไทยค่อยเจอ ค่อยคุยกันดีกว่า

ทุกวัน มีนนา ยังคงพยายามติดต่อ พูดคุย เพื่อรักษาความสัมพันธ์ให้กลับไปเป็นเหมือนเดิม 
แต่ทุกครั้งก็จบตรงที่ มงกรก็ยังคงยืนยันคำเดิมว่า ขอให้กลับมาคุยกันที่เมืองไทยเท่านั้น พร้อมย้ำว่า ไม่ให้เธอเดินทางไปหาเขาอีกด้วย
แต่เธอก็ยังคงไม่ลดละความพยายามเหมือนเช่นเคย การคุยกันวันนี้ก็เช่นกัน

มงกร : ยกเลิก ตั๋วไปยัง ตอนนี้ น่าจะยังได้เงินคืนนะ
มีนนา : ยังเลย ขอไปพักด้วยได้ไหม ถึงเลิกกัน แต่เราก็ยังเป็นเพื่อนกันได้นะ
มงกร : อย่าเลย มาเดี๋ยวเธอก็ทำใจไม่ได้อีก
มีนนา : นี่เป็นความฝันของเราเลยนะ อยากไปแบ็คแพ็คต่างประเทศสักครั้งหนึ่ง
มงกร : ไว้สักพักนึงค่อยมาดีกว่า มาตอนนี้เธอไม่สนุกหรอก
มีนนา : เราวางแผนไว้หมดแล้ว เราอยากทำอย่างที่เราคิดไว้ ขอไปในฐานะเพื่อนก็ไม่ได้เลยหรอ
มงกร : อย่าเพิ่งเลย ตอนนี้ เราเพิ่งเลิกกัน ยังไงแผลมันก็ยังสดอยู่
มีนนา : ถึงจะแผลสด หรือ แผลแห้ง เราว่ามันก็เจ็บเหมือนกันอยู่ดีนะ เพราะยังไงแผลมันก็คือแผล ไม่มีวันที่เราจะไม่รู้สึกอะไรกับบาดแผลนั้นหรอก
 

คุยกันไปมา อยู่นานทีเดียว เขาก็ยังคงยืนยันไม่ให้เราไปท่าเดียว 
ส่วนเราก็ได้แต่ดื้อดึงที่จะขอไปให้ได้ท่าเดียว เช่นเดียวกัน
หลังจากที่ต่างคน ต่างพยายามที่จะยืนหยัดในความคิดของตัวเอง มันก็ไม่สามารถหาบทสรุปที่ทั้งสองฝ่ายพอใจได้

จนกระทั่งวันหนึ่ง ที่คุยกันอีกครั้ง
มีนนา : เรารู้นะ ว่าตอนนี้ เราเลิกกันแล้ว แต่เราขอไปที่นั่น และ ไปหาเธอตามที่เราได้วางแผนไว้ได้ไหม
มงกร : เฮ้ย นี่พูดไม่เข้าใจหรอ ก็บอกว่า ไม่ต้องมา ไม่ต้องมา ถ้าพูดไม่รู้เรื่องแบบนี้ อย่าคุยกันเลยดีกว่านะ

ประโยคสุดท้ายช่างเสียดแทงเข้าไปถึงใจคนฟัง จนจุก พูดอะไรไม่ออกตอบกลับไปไม่ถูก 
หน้ามันชา ประสาทตาพร่า ประสาทหูอื้อ ใจสั่นเทาไปด้วยความรู้สึกอะไรก็ไม่รู้ ปั่นป่วนในหัวไปหมด

และแล้ว น้ำตาก็ได้ทำหน้าที่ของมัน ไหลมาอย่างไม่หยุดยั้ง เหมือนเขื่อนน้ำพังทลาย
ในระหว่างที่เสียงสะอื้นยังไม่ทันจาง คราบน้ำตายังไม่ทันแห้ง ความคิดที่วิ่งวนอยู่ในหัวคิดของมีนนา ก็คือ 
ในเมื่อความคิดเห็นไม่ตรงกัน การตัดสินใจครั้งสำคัญจึงเกิดขึ้น

เธอนำเอกสารทุกอย่าง ไฟล์ทุกไฟล์เปิดขึ้นมา พร้อมกับ มองไปที่ทุกอย่างเหล่านั้น และบอกตัวเองในใจว่า
ฉันต้องออกเดินทางไปตามแผนการทุกอย่างที่ฉันได้วางไว้ให้ได้ แม้จะต้องเดินทางไปคนเดียวก็ตาม

และแล้ว การเตรียมการใหม่หมดทุกอย่างก็เริ่มต้นขึ้น หล่อนหาที่พัก ที่เที่ยวอย่างบ้าคลั่ง 
จัดเตรียมทุกอย่างเองไม่ว่าจะเป็นของใช้จำเป็น วางแผนการเที่ยวทั้งทริปด้วยตัวเอง 
จากที่เคยคิดว่าเขาจะเตรียมไว้ให้ ก็จัดการทำเองใหม่หมดทุกสิ่ง ค้นหาข้อมูลทุกอย่าง ปรึกษาเพื่อนสนิทบ้าง ปรึกษาคนเคยไปแล้วบ้าง เพื่อเตรียมการทุกอย่างให้พร้อมเป็นอย่างดี

หลังจากเตรียมทุกอย่างพร้อมเสร็จสรรพ วันหนึ่ง เธอได้พูดุคยกับเพื่อนสนิทที่สุดคนหนึ่งของเธอ

ธนูช เป็น หญิงสาวหน้าตาดี ที่พ่วงตำแหน่งเป็นคุณแม่ยังสาว ด้วยการมีลูกชายฝาแฝด ถึง 4 คน

หลังจากธนูชรู้ข่าว เรื่องการเดินทางไปท่องเที่ยวของเพื่อนสาว ถึงกับต้องโทรมาสอบถามและแซวว่า หนีเพื่อนไปเที่ยวกับแฟนไกลเลยน๊า มีนนาเลยตัดสินใจบอกเล่าเรื่องราวของเธอกับมงกรให้เพื่อนสาวฟัง

ห่ะ คำสั้นๆ แต่น้ำเสียงเปี่ยมไปด้วยความช็อคตระหนกตกใจของเพื่อนสาว พร้อมดวงตาที่เบิกโพร่งและกลมโตของเจ้าหล่อน ทำให้คนพูดก็ตกใจไปพร้อมๆกัน
ธนูชซักไซ้ ไล่เรียงถามหาความเป็นมาเป็นไปของเบื้องหลังของการเดินทางครั้งนี้ อย่างละเอียด

หลังจากได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด เพื่อนสาวทั้งขอร้อง แกมบังคับ ว่าอย่าไปเลย 
เธอจะไปคนเดียวได้ยังไง ทั้งที่สภาพจิตใจก็บอบช้ำ ขนาดทุกวันนี้ยังไม่เคยไปไหนต่อไหนคนเดียวเลย แล้วนี่แถมยังไปตั้งต่างประเทศคนเดียวอีก แล้วจะดูแลตัวเองยังไงไหว

สิ้นเสียงของธนูช มีนนาก็พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย แต่สายตาฉายแววตาที่มุ่งมั่นตั้งใจเป็นประกายอย่างเห็นได้ชัด พร้อมตอบกลับไปว่า 
เรารู้ว่าเธอเป็นห่วงเรา แต่ขอเราไปเถอะนะ เรารู้สึกแค่ว่า เราต้องเดินทางครั้งนี้ เวลานี้ ตามที่เราได้ตั้งใจไว้ เพราะเรารู้สึกได้ว่ามีคำตอบบางอย่างรอให้เราไปค้นหาอยู่ที่นั่น

หลายครั้งหลายหนที่มีโอกาสได้คุยกัน ธนูชก็ยังคงพยายามโน้มน้าวจิตใจของมีนนา 
แต่ทุกๆครั้งก็ยังคงจบลงด้วยคำตอบเดิมๆ ที่ว่า ฉันคงต้องไปนะ ธนูช อย่าห้ามเราอีกเลย

ในเมื่อฉุดรั้งให้ไม่ไปไม่ได้ ธนูชเลยตัดสินใจ อาสาตามไปอยู่เป็นเพื่อนด้วย แต่ด้วยความที่ลูกชายฝาแฝดของเธอยังเล็กอยู่นัก ธนูชเลยไปอยู่ได้เพียงแค่ อาทิตย์เดียว
แม้เป็นเวลาสั้น แต่ก็นำมาซึ่งความตื่นตัน ซึ้งใจ ให้กับมีนนาเป็นอย่างมาก เพราะเธอไม่เคยคิดว่าจะมีใครที่ใส่ใจ ห่วงใยเธอมาก ในยามที่เธออ่อนแอขนาดนี้

สองอาทิตย์เป็นเวลาที่กระชั้นชิดมาก ในการทำเรื่องก่อนการเดินทางไปต่างประเทศ แต่ด้วยความเป็นห่วงเพื่อน และตั้งใจเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องตามไปด้วยให้ได้ ทำให้ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี
 
สิ่งหนึ่ง ที่คนทั่วไปไม่เคยมีใครล่วงรู้เลย ก็คือ การเดินทางครั้งนี้ เธอไม่ได้ไปหามงกรแล้ว
เพราะทุกคนที่อยู่รอบข้างทั้งที่รู้จัก เธอและเขา ล้วนแล้ว แต่คิดว่า การไปต่างประเทศครั้งนี้ของมีนนา คือ การเดินทางไปหามงกร และ ถือโอกาสเป็นการไปฉลองครบรอบการคบกันครบ 3 ปีไปด้วยพร้อมกัน 

อย่าถามว่า มงกรรู้หรือไม่ เกี่ยวกับการเดินทางครั้งนี้ เพราะมันคงไม่ได้มีประโยชน์อะไร หรือ สละสำคัญอะไรสำหรับเขา หรือว่าเธอ
 
มีนนาบรรจงเขียนไดอารี่ของเธอ ในคืนหนึ่งไว้ว่า 
"แม้ว่าครั้งนี้ อาจเคยเป็นแผนการเดินทางในฝันที่เริ่มต้นจากคำว่าเรา แต่จุดเริ่มต้นในความเป็นจริงนั้นเหลือแต่ฉันไม่มีเขา ที่ออกเดินทางตามความฝันให้มันเกิดขึ้นจริง"

ความห่างไกลมักทำให้คนเลิกกัน และ ฉันก็อาจจะเป็นอีกหนึ่งคนในนั้นที่เหมือนกับคู่รักที่พบปัญหาเรื่องระยะทางทางความห่างไกล

สิ่งสำคัญไม่ใช่เหตุใดทำไมคนสองคนจึงเลิกกัน แต่ที่น่าสนใจมากไปกว่านั้นในระหว่างที่เลิกกันมันเกิดอะไรในชีวิตฉันบ้าง

ความรัก ก็เหมือนการเดินทาง
คุณไม่มีทางรู้หรอกว่าจุดหมายปลายทางนั้น จะหน้าตาเป็นอย่างไร จะเหมือนหรือต่างจากภาพถ่ายที่เห็นหรือเป็นเหมือนคำบอกเล่าที่เหล่ากูรูนักเดินทางชั้นเทพได้รีวิวไว้ไหม
และกว่าพิสูจน์ด้วยตาตัวเองคงจะต้องใช้เวลาไม่น้อยเลยทีเดียว

บางทีปลายทางอาจไม่ได้ให้คุณค่าหรือสำคัญมากมายอะไรนัก นอกจากเป็นเพียง  เป้าหมายเพื่อไปให้ถึง
และถ้าต้องรอให้ความสุขเกิดขึ้นเฉพาะเมื่อตอนถึงจุดหมายก็คงรอนานเกินไป

ระหว่างนี้คงจะไม่เสียเวลามากเท่าไร ถ้าจะเลือกเก็บเกี่ยวประสบการณ์จากข้างทางให้คุ้มค่า
เรียนรู้ และ เติบโต จากทุกช่วงเวลาที่ผ่านเข้ามาแล้ว ก่อนที่จะผ่านเลยไป

ตัวฉันก็เช่นกัน ที่กำลังเรียนรู้สิ่งเหล่านั้นด้วยตัวเอง

แล้วคุณจะเข้าใจฉัน เมื่อได้สัมผัสผ่านตัวอักษรทุกคำ และ ออกเดินทางไปด้วยกันกับฉันจากนี้ไป  

และแล้ววันเดินทางก็มาถึง TAKE-OFF .........

by H'esdy 

ความคิดเห็น