มาตรฐานของการเลือก





หลายวันก่อนได้มีโอกาสไปสังสรรค์ กับ เพื่อนที่เคยทำงานด้วยกันมาหลายปีก่อน

หลังจากที่ห่างหายจากกันไปนาน 
ก็เป็นธรรมดาที่ต้องถามสารทุกข์สุขดิบกันตามประสาคนไม่ได้เจอกันมานาน

และหนึ่งในคำถามยอดฮิตติดซาร์ตอันดับ 1 ที่ขาดไม่ได้เลย
คือ มีแฟนรึยัง

ยังเลย ก็ยังคงเป็นคำตอบสุดท้ายเหมือนเดิมที่ยังไม่เปลี่ยนแปลง

แล้วคนคุยๆด้วยอ่ะ เป็นไง

ไม่มีอ่ะ

เฮ้ย! เกินไปล่ะ อย่ามาอำกัน ใครบ้างว่ะจะไม่มีคนมาคุยด้วย ไม่ต้องมาหลอกกันเลย

ไม่มีจริงๆ จะไปหลอกเธอทำไม

มันถึงกับเอ่ยปากถามว่า ตั้งสเปคสูงเกินไปป่าว



เลยเป็นที่มาทำให้ เริ่มต้นทบทวนและคิดขึ้นว่า

แล้วมาตรฐานการเลือกคบหาหรือดูใจใคร

มันจะต้องเป็นยังไงถึงจะเรียกได้ว่า พอดี ไม่สูงไป ต่ำไป


สำหรับสเปคของคนพิเศษในความคิดของแต่ละคนนั้น 
ช่างมี หลากหลาย แตกต่างกันไป

บ้างก็ดูที่ หน้าตา

บ้างก็ดูที่ บุคลิก

บ้างก็ดูที่ รูปร่าง

บ้างก็ดูที่ นิสัยใจคอ

บ้างก็ดูที่ ฐานะ หน้าที่การงาน

บ้างก็ดูที่ ไลฟ์สไตส์การใช้ชีวิต

บ้างก็ดูที่ กิจกรรมยามว่างที่สนใจ

บ้างก็ดูที่ ความรู้สึกถูกใจ ถูกชะตา

บ้างก็ดูที่ อื่นๆ อีกมากมาย

หรือบางที มันก็มีรวมๆ ผสมปนๆนี่นิด นั่นหน่อย 
เช่น หน้าตาต้องโซนนี้ หุ่นต้องทรงนั้น นิสัยต้องประมาณนี้ ฐานะประมาณนั้น


สเปคสูงเกินไป เช่น หน้าตาพอไปวัดไปวาได้ นิสัยพอใช้ ฐานะปานกลาง

ดันวาดหวังว่า อยากมีแฟน หล่อระดับพระเอกฮอลลีวูด นิสัยดีเริ่ด ฐานะร่ำรวย

อันนี้ก็ดูจะสูงเว่อร์ไป



ซึ่งถ้าเปรียบเทียบง่ายๆ คือ 
สเปคของคนที่เราสนใจอาจจะมีในหลายๆด้านที่ดูโดยรวมๆแล้ว 
ดูดี หรือ มีมากกว่าเรา อย่างน้อยตั้งแต่ 1 ระดับขึ้นไป 
นี่จึงน่าจะเรียกว่าสูงเกินไป

ในทางตรงกันข้าม 
ถ้าสเปคของคนที่เราสนใจอาจจะมีในหลายๆด้านที่ดูด้วยรวมๆแล้ว 
ดูดีน้อยกว่า หรือ มีน้อยกว่าเรา อย่างน้อยตั้งแต่ 1 ระดับลงไป 
นี่จึงน่าจะเรียกว่าต่ำเกิน ได้เหมือนกัน


หลังจากคิดได้เช่นนั้น

ก็เลยตอบกลับเพื่อนไป 
แล้วถ้ามีสเปคว่า เป็นคนที่มีไลฟ์สไตส์การใช้ชีวิตใกล้เคียงกัน 
หน้าตาพอไปวัดไปวาได้พอๆกัน 
นิสัยดีพอประมาณระดับเดียวกัน 
ฐานะปานกลางไม่ต่างกัน 
ทัศนคติ ความคิดก็ขอแค่ใกล้เคียง ไม่ต่างกันเกินไป 
นี่ มันเรียกว่า สูงเกินไปหรือเปล่านะ

เพื่อนก็เลยนิ่ง พร้อมกับตอบกลับมา มันก็ดูเหมือนไม่สูงแค่เยอะไปนะ 
และ
ดูท่าคนลักษณะนั้นน่าจะมีแฟนไปหมดแล้วนะ 
บางที ก็น่าจะลดลดสเปคลงไปบ้างนะ


ลดสเปค 
คำสั้นๆที่น่าคิด แต่มันสื่อให้เห็นอะไรบางอย่างในคำนั้นอย่างชัดเจน

ถ้าเราต้องการซื้อไอโฟน ด้วยความจุ 256 GB 
เราจะยอมลดสเปคซื้อ 128 GB ทั้งๆที่เรามีความสามารถซื้อได้ถึง 256 GB รึป่าว


ถ้าเจอเสื้อผ้าไม่ถูกใจ แต่ราคาถูกจัง 
เราจะยอมลดสเปคเพื่อซื้อ สิ่งของที่เราไม่ได้พอใจมากที่สุดรึป่าว


ถ้าเราเจอรองเท้าที่ชอบแต่ใส่ไม่สบายเท้าเลย 
เราจะยอมลดสเปคเพื่อซื้อมันมาใส่แค่ชั่วครั้งชั่วคราวรึป่าว 


ถ้าเราเจอกระเป๋าที่ใช่สวยได้ใจ แต่ฟังก์ชั่นใช้ไม่ได้ 
เราจะยอมลดสเปคเพื่อซื้อ มาถือเกร๋ๆรึป่าว


คนเราจะยอมลดมาตรฐานการเลือกให้น้อยลง เพียงเพื่อให้ได้มาหรือเปล่า


สิ่งของอาจไม่ได้มีหัวใจ หรือ ความรู้สึก เบื่อก็ทิ้ง ไม่ชอบใจก็เปลี่ยน 

แต่คนเรามีหัวใจ ความรู้สึก จะหยวนๆ ยอมๆ ลดสเปค 
เอาแค่เท่าที่พอรับได้ ตามสภาพที่พอจะหาได้ในท้องตลาด 
จะได้มีแฟนเหมือนใครๆเขา  
หรือจะคบไปก่อน ไม่ถูกใจค่อยเลือกสรรสแกนกันใหม่อีกทีจะยอมรับได้หรือเปล่า


เพื่อนหลายคนมักบอกเราว่า จะไปคาดหวังอะไรเยอะแยะมากนัก 
คนเราคบกันมันก็ต้องปรับตัวเข้าหากันดิ
ไม่มีหรอกที่ได้อย่างที่หวังหรือตั้งใจ 100%

ซึ่งก็เห็นด้วยอย่างยิ่งและก็จริงอย่างที่เพื่อนบอก
แต่อย่างน้อยๆ มันก็ควรจะมีอย่างน้อย 50% อย่างที่คิดไว้ก็น่าจะเป็นไปได้ไม่ยากมากหรือเปล่านะ

ไม่ใช่อะไรหรอกนะ เพราะสัจธรรมความจริงก็คือ 
คนเราไม่มีใครเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมพื้นฐานที่แท้จริงของตัวเองที่เป็นอยู่ได้หมดหรอก 
สิ่งที่ทำได้คือแค่ปรับเปลี่ยนให้มีสัดส่วนที่เหมาะสมเท่านั้นเอง

เลยคาดคิดว่า
ถ้าอย่างน้อยที่สุด สัดส่วนในครึ่งหนึ่งเป็นสิ่งที่คนเรายอมรับได้แต่แรก
มันก็น่าจะทำให้โอกาสการเข้ากันไม่ได้ในอนาคตเกิดขึ้นได้น้อยลง


สิ่งที่น่าจะสำคัญมากกว่านั้นคือ 
ทั้งคู่ต่างทำให้การพบกันและการอยู่ด้วยกันเป็นเรื่องราวดีดี 
และมีความสุข มากกว่า การอยู่คนเดียว ได้ดีแค่ไหนกัน

คุณค่าของการมีคู่ 
น่าจะมาจากการมีกันและกัน และทำให้ทั้งสองคนเป็นคนที่ดีขึ้นให้กันและกัน
นี่น่าจะเป็นประเด็นหลักในการคบหากันของคู่ชีวิตมากกว่า


สเปคอาจเป็นแค่จุดเริ่มต้น
ในการคัดสรรเปิดโอกาสให้ใครสักคนที่พิเศษเข้ามาในชีวิต

มาตรฐานการเลือก อาจไม่มีบทบาทอะไรเลย
ถ้าการอยู่ด้วยกันทำให้มีความสุขดี 
แต่ในเมื่อมันดันเป็นด่านแรกที่คนเราจะสามารถพินิจพิจารณาได้ชัดและเห็นง่ายที่สุดในช่วงแรกๆ ที่รู้จักกัน
ดั้งนั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับว่า ทั้งคู่จะเปิดโอกาสให้กันได้มากแค่ไหน 


มาตรฐานของการเลือกในเรื่องความรัก 
มันไม่มีหลักเกณฑ์ที่แน่นอน หรือมาตรวัดที่ตายตัว
ในการบอกได้ว่าแต่ละคนจะต้องตั้งสเปคแค่ไหนถึงจะเหมาะสม พอดีสำหรับตัวเอง 
ไม่สูงเกินไป ไม่ต่ำเกินควร


เมื่อคุณรู้จักตัวเองว่าต้องการอะไรบ้างในชีวิต 
และสเปคคู่ชีวิตระดับไหน ที่ทำให้คุณยินดีและยินยอมพร้อมใจ ที่เลือกจะอยู่ด้วยไปตลอดชีวิต
พอถึงช่วงเวลาใครพิเศษคนนั้นก้าวเข้ามาในชีวิตของคุณ 
คุณจะรู้และเข้าใจได้เองว่า มาตรฐานการเลือกของคุณพอดีกับเขาไหม 
หรือว่า 
คุณอาจจะยอมฉีกกฎทุกข้อของตัวเองไปได้เลยจริงๆ 



by H'esdy
http://www.facebook.com/HappyEverySingleDay
http://hesdyme.blogspot.com/
https://storylog.co/HappyEverySingleDay

ความคิดเห็น