
วันนี้ ได้มีโอกาสฟัง ted talks เรื่อง
ชีวิตที่ดี มีได้จากอะไร? บทเรียนจากการวิจัยความสุขของมนุษย์ที่ยาวนานที่สุด
จาก โรเบิร์ต วาลดิงเจอร์
(สามารถดูฉบับเต็มได้ที่ลิงค์นี้)
https://www.ted.com/talks/robert_waldinger_what_makes_a_good_life_lessons_from_the_longest_study_on_happiness/transcript?language=th#t-754995
ได้พูดถึง โครงการ Harvard Study of Adult Development เป็นโครงการศึกษาชีวิตมนุษย์ โดยศึกษาชีวิตของชาย 724 คน ถามพวกเขาเกี่ยวกับงาน ความเป็นอยู่ และสุขภาพ ปีแล้วปีเล่า และแน่นอนว่าเราถามคำถามโดยไม่รู้เลยว่า สุดท้ายแล้วชีวิตของพวกเขา จะเป็นอย่างไร
โดยที่คนที่เข้าร่วมโครงการนั้นมาจากกลุ่มตัวอย่างที่แตกต่างกัน
จากการวิจัยดังกล่าว ทำให้ค้นพบ 3 ข้อหลัก เกี่ยวกับความสัมพันธ์ ดังนี้
1. ความสัมพันธ์ทางสังคมมีประโยชน์ และ ความโดดเดี่ยวนั้นฆ่าเรา ไม่ว่าจะเป็นโดดเดี่ยวเพราะอยู่คนเดียว หรือ โดดเดี่ยวท่ามกลางผู้คนมากมายรายล้อม คนที่มีความสัมพันธ์อันดีกับครอบครัว เพื่อน และ สังคมของเรา มีความสุข และ อายุยืน กว่าคนที่มีความสัมพันธ์กับผู้อื่นน้อยกว่า
2. คุณภาพของความสัมพันธ์ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับจำนวนเพื่อนที่มี หรือ แค่มีความสัมพันธ์ที่จริงจัง แต่ความสัมพันธ์ที่อบอุ่นจะทำให้เรารู้สึกดีกว่า ความสัมพันธ์ที่เต็มไปด้วยความขัดแย้ง
3. ความสัมพันธ์และสุขภาพมีผลสัมพันธ์กัน คือ ความสัมพันธ์ที่ดี ไม่ใช่แค่ปกป้องสุขภาพนั้น แต่ยังปกป้องสมองของเราอีกด้วย สิ่งสำคัญคือ ความสัมพันธ์ที่ดีที่ว่านั้น ไม่จำเป็นต้องราบรื่นตลอดเวลา อาจมีทะเลาะกัน ไม่หยุดไม่หย่อนบ้าง แต่สามารถพึ่งพากันได้ เมื่อทุกอย่างแย่
สิ่งที่ โรเบิร์ต วาลดิงเจอร์ บอกในคลิปนี้ ซึ่งเป็นประโยคที่เราค่อนข้างชอบมากเลย ก็คือ “ความสัมพันธ์ที่ดีและใกล้ชิด ต่อสุขภาพและชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี นี่เป็นความรู้ที่มีมานาน แล้วทำไมมันถึงทำได้ยากและถูกลืมได้อย่างง่ายดาย”
ที่นึกเล่าเรื่องนี้ขึ้นมา เพราะ ได้ลองกลับมาทบทวนตัวเองในปัจจุบัน เมื่อเทียบกับอดีตที่ผ่านมา สิ่งที่เห็นได้ชัดเลยว่า แต่ก่อนนั้น เราไม่ได้มีความถึ่ของความสุขเกิดขึ้นบ่อยขนาดนี้ แม้จะให้เทียบกันกับสัดส่วนของปัญหาที่มีมากขึ้นกว่าแต่ก่อนมากมาย ส่งผลให้มีความทุกข์เกาะกินใจมากขึ้นตามไปด้วยทุกวัน
พอกลับมามองในเรื่องของความสัมพันธ์ของเรา
กับ ครอบครัวก็มีคิดเห็นไม่ตรงกันบ้าง ทะเลาะกันบ้าง เข้าใจผิดกันบ้าง สิ่งหนึ่งที่จะคิดและทำอยู่เสมอคือ นึกถึงช่วงเวลาดีๆ สิ่งดีๆที่ทำให้กัน แล้วเลือกปรับความเข้าใจ ทำผิดก็ขอโทษ ทำถูกก็ให้อภัย เลือกที่จะถนอมน้ำใจ ให้มีความรู้สึกดีมากกว่ารู้สึกแย่ในช่วงเวลาที่ได้ใช้ร่วมกัน เพื่อให้เกิดความสัมพันธ์ที่ดีให้มากที่สุด
กับ เพื่อน ด้วยเทคโนโลยีสมัยนี้ ทำให้มีเพื่อนได้ง่าย มีเพื่อนที่ทัศนคติตรงกันบ้าง ไม่ตรงกันบ้าง ทั้งความคิดเป็นบวกบ้าง เป็นลบบ้าง ปะปนกันไป ส่วนมากจึงเลือกที่จะใช้เวลากับ เพื่อนที่สร้างประสบการณ์เป็นพิษให้น้อยที่สุด ก็เหมือนอากาศ ถ้าอยู่ตรงไหนแล้วมีอากาศบริสุทธ์ก็จะพาตัวเองไป ตรงไหนที่เป็นพิษเป็นภัยต่อสุขภาพกายใจ ก็หลีกเลี่ยงให้ได้มากที่สุด
กับ สังคมของเรา ไม่ว่าจะเป็น คน สัตว์ สิ่งของ หรือสิ่งแวดล้อมที่พบเจอ จะเลือกเริ่มต้นมองด้วยสายตาของความคิดในแง่ดี ให้มาก เพราะ นั่นจะสร้างความรู้สึกที่ดีในการปฎิสัมพันธ์ต่อกัน แม้ในระหว่างนั้น จะมีเหตุการณ์ สถานการณ์หรืออะไรต่างๆที่พาไป ก็จะพยายามใช้สติที่มี มองผ่านความเป็นจริงของชีวิต และ ธรรมชาติของสิ่งเหล่านั้นอย่างเข้าใจ
โดยที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เราสามารถเปลี่ยนแปลงได้ และ เลือกปล่อยวางในสิ่งที่เราเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ก็เท่านั้นเอง
ทุกสิ่งที่บอกกล่าวกันมา ล้วนเป็นทฤษฏีที่ทุกคนอ่านแล้วก็เข้าใจกันได้ไม่ยาก แต่สิ่งที่ไม่ง่ายคือการปฎิบัติจริงในชีวิตประจำวัน
แม้ในทุกวันนี้ ก็ใช่ว่า มนุษย์ปุตุชนคนธรรมดาแบบเราจะทำได้ทุกอย่างเหมือนที่บอกมาข้างต้น แต่ทุกครั้งที่พบเจอผู้คน มักจะพยายามทำให้ได้อย่างที่บอกไว้ให้ได้ทุกวัน
วันนี้อาจยังมีทิฐิหรือโกรธแค้นใครอยู่บ้าง พอมีสติรู้ตัวก็พยายามลดละวางอัตตาในใจลงให้ได้ทุกวัน
วันนี้อาจยังมีเสียใจกับใครอยู่บ้าง พอมีสติรู้ตัวก็พยายายามลดละปล่อยวางสิ่งที่ผ่านไป ให้อยู่กับปัจจุบัน
แม้ความสัมพันธ์ต่อกัน เป็นเรื่องระหว่าง 2 ฝ่าย แต่ทุกสิ่งเริ่มต้นใหม่ได้ ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นผู้เริ่มกระทำ
อยากมีชีวิตที่ดี จะลองทำตามทฤษฎี เพื่อพิสูจน์สมมุติฐานนี้ ก็เป็นวิธีน่าสนใจดีที่จะลองทำกัน
by H’esdy
https://www.facebook.com/HappyEverySingleDay/
hesdyme.blogspot.com
จาก โรเบิร์ต วาลดิงเจอร์
(สามารถดูฉบับเต็มได้ที่ลิงค์นี้)
https://www.ted.com/talks/robert_waldinger_what_makes_a_good_life_lessons_from_the_longest_study_on_happiness/transcript?language=th#t-754995
ได้พูดถึง โครงการ Harvard Study of Adult Development เป็นโครงการศึกษาชีวิตมนุษย์ โดยศึกษาชีวิตของชาย 724 คน ถามพวกเขาเกี่ยวกับงาน ความเป็นอยู่ และสุขภาพ ปีแล้วปีเล่า และแน่นอนว่าเราถามคำถามโดยไม่รู้เลยว่า สุดท้ายแล้วชีวิตของพวกเขา จะเป็นอย่างไร
โดยที่คนที่เข้าร่วมโครงการนั้นมาจากกลุ่มตัวอย่างที่แตกต่างกัน
จากการวิจัยดังกล่าว ทำให้ค้นพบ 3 ข้อหลัก เกี่ยวกับความสัมพันธ์ ดังนี้
1. ความสัมพันธ์ทางสังคมมีประโยชน์ และ ความโดดเดี่ยวนั้นฆ่าเรา ไม่ว่าจะเป็นโดดเดี่ยวเพราะอยู่คนเดียว หรือ โดดเดี่ยวท่ามกลางผู้คนมากมายรายล้อม คนที่มีความสัมพันธ์อันดีกับครอบครัว เพื่อน และ สังคมของเรา มีความสุข และ อายุยืน กว่าคนที่มีความสัมพันธ์กับผู้อื่นน้อยกว่า
2. คุณภาพของความสัมพันธ์ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับจำนวนเพื่อนที่มี หรือ แค่มีความสัมพันธ์ที่จริงจัง แต่ความสัมพันธ์ที่อบอุ่นจะทำให้เรารู้สึกดีกว่า ความสัมพันธ์ที่เต็มไปด้วยความขัดแย้ง
3. ความสัมพันธ์และสุขภาพมีผลสัมพันธ์กัน คือ ความสัมพันธ์ที่ดี ไม่ใช่แค่ปกป้องสุขภาพนั้น แต่ยังปกป้องสมองของเราอีกด้วย สิ่งสำคัญคือ ความสัมพันธ์ที่ดีที่ว่านั้น ไม่จำเป็นต้องราบรื่นตลอดเวลา อาจมีทะเลาะกัน ไม่หยุดไม่หย่อนบ้าง แต่สามารถพึ่งพากันได้ เมื่อทุกอย่างแย่
สิ่งที่ โรเบิร์ต วาลดิงเจอร์ บอกในคลิปนี้ ซึ่งเป็นประโยคที่เราค่อนข้างชอบมากเลย ก็คือ “ความสัมพันธ์ที่ดีและใกล้ชิด ต่อสุขภาพและชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี นี่เป็นความรู้ที่มีมานาน แล้วทำไมมันถึงทำได้ยากและถูกลืมได้อย่างง่ายดาย”
ที่นึกเล่าเรื่องนี้ขึ้นมา เพราะ ได้ลองกลับมาทบทวนตัวเองในปัจจุบัน เมื่อเทียบกับอดีตที่ผ่านมา สิ่งที่เห็นได้ชัดเลยว่า แต่ก่อนนั้น เราไม่ได้มีความถึ่ของความสุขเกิดขึ้นบ่อยขนาดนี้ แม้จะให้เทียบกันกับสัดส่วนของปัญหาที่มีมากขึ้นกว่าแต่ก่อนมากมาย ส่งผลให้มีความทุกข์เกาะกินใจมากขึ้นตามไปด้วยทุกวัน
พอกลับมามองในเรื่องของความสัมพันธ์ของเรา
กับ ครอบครัวก็มีคิดเห็นไม่ตรงกันบ้าง ทะเลาะกันบ้าง เข้าใจผิดกันบ้าง สิ่งหนึ่งที่จะคิดและทำอยู่เสมอคือ นึกถึงช่วงเวลาดีๆ สิ่งดีๆที่ทำให้กัน แล้วเลือกปรับความเข้าใจ ทำผิดก็ขอโทษ ทำถูกก็ให้อภัย เลือกที่จะถนอมน้ำใจ ให้มีความรู้สึกดีมากกว่ารู้สึกแย่ในช่วงเวลาที่ได้ใช้ร่วมกัน เพื่อให้เกิดความสัมพันธ์ที่ดีให้มากที่สุด
กับ เพื่อน ด้วยเทคโนโลยีสมัยนี้ ทำให้มีเพื่อนได้ง่าย มีเพื่อนที่ทัศนคติตรงกันบ้าง ไม่ตรงกันบ้าง ทั้งความคิดเป็นบวกบ้าง เป็นลบบ้าง ปะปนกันไป ส่วนมากจึงเลือกที่จะใช้เวลากับ เพื่อนที่สร้างประสบการณ์เป็นพิษให้น้อยที่สุด ก็เหมือนอากาศ ถ้าอยู่ตรงไหนแล้วมีอากาศบริสุทธ์ก็จะพาตัวเองไป ตรงไหนที่เป็นพิษเป็นภัยต่อสุขภาพกายใจ ก็หลีกเลี่ยงให้ได้มากที่สุด
กับ สังคมของเรา ไม่ว่าจะเป็น คน สัตว์ สิ่งของ หรือสิ่งแวดล้อมที่พบเจอ จะเลือกเริ่มต้นมองด้วยสายตาของความคิดในแง่ดี ให้มาก เพราะ นั่นจะสร้างความรู้สึกที่ดีในการปฎิสัมพันธ์ต่อกัน แม้ในระหว่างนั้น จะมีเหตุการณ์ สถานการณ์หรืออะไรต่างๆที่พาไป ก็จะพยายามใช้สติที่มี มองผ่านความเป็นจริงของชีวิต และ ธรรมชาติของสิ่งเหล่านั้นอย่างเข้าใจ
โดยที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เราสามารถเปลี่ยนแปลงได้ และ เลือกปล่อยวางในสิ่งที่เราเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ก็เท่านั้นเอง
ทุกสิ่งที่บอกกล่าวกันมา ล้วนเป็นทฤษฏีที่ทุกคนอ่านแล้วก็เข้าใจกันได้ไม่ยาก แต่สิ่งที่ไม่ง่ายคือการปฎิบัติจริงในชีวิตประจำวัน
แม้ในทุกวันนี้ ก็ใช่ว่า มนุษย์ปุตุชนคนธรรมดาแบบเราจะทำได้ทุกอย่างเหมือนที่บอกมาข้างต้น แต่ทุกครั้งที่พบเจอผู้คน มักจะพยายามทำให้ได้อย่างที่บอกไว้ให้ได้ทุกวัน
วันนี้อาจยังมีทิฐิหรือโกรธแค้นใครอยู่บ้าง พอมีสติรู้ตัวก็พยายามลดละวางอัตตาในใจลงให้ได้ทุกวัน
วันนี้อาจยังมีเสียใจกับใครอยู่บ้าง พอมีสติรู้ตัวก็พยายายามลดละปล่อยวางสิ่งที่ผ่านไป ให้อยู่กับปัจจุบัน
แม้ความสัมพันธ์ต่อกัน เป็นเรื่องระหว่าง 2 ฝ่าย แต่ทุกสิ่งเริ่มต้นใหม่ได้ ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นผู้เริ่มกระทำ
อยากมีชีวิตที่ดี จะลองทำตามทฤษฎี เพื่อพิสูจน์สมมุติฐานนี้ ก็เป็นวิธีน่าสนใจดีที่จะลองทำกัน
by H’esdy
https://www.facebook.com/HappyEverySingleDay/
hesdyme.blogspot.com
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น